ความสำคัญและการเลือกใช้งาน Hosting(โฮสติ้ง)


Hosting(โฮสติ้ง) คือ ส่วนที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆของเว็บไซต์ของเรา โดย โฮสติ่งที่ดีนั้นควรจะมีสิ่งที่สำคัญดังนี้
1.มีการแบ็คอัพข้อมูลสม่ำเสมอ
2.มีความปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์
3.มีความรวดเร็วในการเรียกใช้ข้อมูล
4.รองรับการใช้งาน script ต่างๆ
5.ความสเถียรของระบบ(การล่มของระบบ)
โฮสติ้งในปัจจุบันมีการแบ่งเป็นหลายๆประเภทตามการใช้งาน เช่น
Shared Web Hosting คือ บริการให้เช่าพื้นที่เก็บรักษาข้อมูลเว็บไซต์โดยมีการใช้ทรัพยากรร่วมกันกับผู้อื่น ข้อดี คือราคาถูก
VPS Hosting คือ โฮสติ่งที่มีความสามารถสูงกว่า Shared Web Hosting มีลักษณะเป็นแบบให้เช่า
Dedicated Hosting คือ โฮสติ่งที่มีความสามารถสูงที่สุด ราคาแพงที่สุด เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการ traffic เยอะๆ และต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง
โดย โฮสติ้ง จะถูกแยกประเภทตาม OS ที่ใช้ด้วย คือเซฟเวอร์ที่เป็น OS Window และ OS Linux ทั้งสองแบบจะมีส่วนที่แตกต่างเด่นชัดในเรื่องของราคา ซึ่งราคาแบบ OS Window จะมีราคาสูงกว่า OS Linux นิดหน่อย ประสิทธิภาพพอๆกัน
ในปัจจุบันนี้มีโฮสติ้งเพิ่มขึ้นมากมาย เช่น SEO Hosting, Cloud Web Hosting เป็นต้น
SEO Hosting คือ โฮสเน้นการทำงานด้าน SEO มีการใช้งานต่าง ip เพื่อประโยชน์ทางด้าน SEO
Cloud Web Hosting คือ โฮสติ่งที่ใช้เทคโนโลยีระบบ Cloud Computing Technology โดยมีข้อเด่นเรื่องป้องกันการล่มของระบบ แต่ก็แรกมาด้วยราคาที่สูงตามมาด้วย
------------------------------------------------------------------
เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ >>>  smileandsbye <<<

การเลือก Domain name(โดเมนเนม) สำคัญยังไง

การเลือก Domain name(โดเมนเนม) สำคัญยังไง

 บทความนี้เราจะมาพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกซักหน่อยดีกว่าเพราะการเลือกโดเมนที่ดี ก็จะทำให้เราได้เปรียบทางด้าน SEO เหมือนกัน แต่จะได้เปรียบยังไงนั้นมาดูกันครับ
Domain name(โดเมนเนม) คือ ชื่อเว็บไซต์ เช่น www.สนุก.com คำว่า สนุก เป็นโดเมนเนม ปัจจุบันเราสามารถจดโดเมนเป็นชื่อภาษาไทยได้แล้วซึ่งราคานั้นประมาณไม่เกิน 1,000 บาท ชื่อโดเมนสำคัญยังไง คนส่วนใหญ่คิดว่าการตั้งชื่อโดเมนไม่สำคัญอยากตั้งชื่ออะไรก็ได้ตามใจฉันซึ่งความจริงแล้วนั้นไม่ผิดครับ ที่เราอยากจะตั้งชื่ออะไรก็ได้ แต่ครับแต่หากเราให้ความสำคัญกับชื่อโดเมนของเราซักนิดจะทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์ของเราเพิ่มมากขึ้นและจะสามารถค้นหาในเครื่องมือ seach engine (ได้แก่ google yahoo bing เป็นต้น) ได้ง่ายขึ้นที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า seach engine ให้ความสำคัญกับโดเมนเนมครับ โดเมนเนมก็เหมือน keyword ที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลใน seach engine นั้นเองหากเราเลือกชื่อโดเมนให้มีความหมายตรงกับคำที่คนค้นหาแล้วนั้นโอกาสที่เว็บของเราจะถูกหาเจอใน seach engine ก็มีสูงทีเดียวครับ เช่น เราตั้งชื่อโดเมนเนมว่า www.ขายรองเท้าผ้าใบ.com แทนที่จะเป็น www.shoe.com คนไทยส่วนใหญ่ก็ต้องพิมพ์คำว่า รองเท้า มากกว่าคำว่า shoe อยู่แล้วหรือการตั้งชื่อโดเมนโดยใช้ชื่อบริษัทหรือองค์กรมาใช้ชื่อโดเมนนั้นอาจจะบ่งบอกถึงความเอกลักษณ์ของคุณแต่ไม่ได้ทำให้การค้นหาใน seach engine ง่ายขึ้นเลย แต่ถ้าหากบริษัทหรือองค์กรของคุณดังจริงก็ใช้เถอะครับ ^_^ ส่วนการจะใช้ชื่อเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษดีนั้นขึ้นอยู่กับเราครับว่าเน้นลูกค้าประเทศไหน ถ้าคนไทยก็จดเป็นภาษาไทยก็ดีครับยิ่งทำให้ค้นหาง่ายขึ้น ส่วนนามสกุลของเว็บไซต์จะใช้อะไรก็ได้ครับถ้าทั่วๆไปก็ .com ก็ได้ครับสำหรับผมคิดว่าไม่สำคัญเท่าไหร่
สรุปนะครับ จากข้อความข้างบนจะเห็นว่าการเลือกชื่อโดเมนที่ตรงกับกลุ้มเป้าหมายจะทำให้เรามีโอกาสหาลูกค้าที่เข้าเว็บได้เร็วและมากยิ่งขึ้นนะครับเหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภทหรือธุรกิจค้าขายครับ ส่วนจะใช้ชื่อไทยหรือภาษาอังกฤษก็เลือกตามกลุ่มลูกค้าละกันครับว่าอยากได้คนไทยหรือฝรั่ง
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอฝากเว็บไซต์ไว้หน่อยนะครับ >>>  รับออกแบบเว็บไซต์เชียงใหม่ <<<

ตัวช่วยสำหรับการทำเว็บไซต์ให้ง่ายขึ้น


จากบทความ ความรู้พื้นฐานก่อนเริ่มทำเว็บไซต์ และ ประเภทของเว็บไซต์ในปัจจุบัน ทุกท่านคงพร้อมแล้วสำหรับการลงมือทำเว็บไซต์แต่ก่อนจะมาเริ่มกัน ผมขอแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การทำเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายไปเลยครับ
ตัวแรกนั่นคือ CMS 
CMS ย่อมากจาก Content Management System เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้การสร้างเว็บไซต์สะดวกรวดเร็ว โดยผู้ทำไม่จำเป็นต้องรู้โค้ดสำหรับการทำเว็บเลย ซึ่ง CMS ในปัจจุบันมีหลายตัวเหลือเกินได้แก่
Joomla(จูล่า) CMS จูมล่ามีความสามารถในการปรับปรุงตกแต่งเว็บไซต์ให้สวยงามได้ มีการจัดแยกเนื้อหาเป็นสัดส่วน อีกทั้งผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาในการทำเว็บก็สามารถใช้งานได้
ตัวต่อมา CMS wordpress(เวิร์ดเพรส) เวิร์ดเพรสเป็น CMS ที่มีความสามารถในการใช้แนว blog ซึ่งตัวของเวิร์ดเพลสเองมีความเรียบง่ายและมีความรวดเร็วในการเรียกใช้งาน
ตัวสุดท้ายที่จะกล่าวถึง SMF เป็น CMS แนว webboard เป็นที่นิยมในการสร้างเว็บแนวพูดคุยกันเมื่อก่อนปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ ซึ่ง CMS แนวนี้มีอีกตัวที่นิยมกันคือ Discuz ทั้ง 2 แบบเป็น CMS แนว webboard แต่มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างกัน discuz จะออกแนวๆการ์ตูน ส่วน smf จะออกแนวคลาสสิกซะมากกว่า
นี้คือ CMS ที่ผุ้คนนิยมใช้กันนะครับอาจจะมีอย่างอื่นอีกแต่ผมไม่ได้ยกตัวอย่างมาก มาต่อกันเลยดีกว่าครับ
เครื่องมือต่อมาคือเว็บสำเร็จรูปครับ
เว็บสำเร็จรูปคือ เว็บไซต์ที่เราสามารถปรับแต่งเองได้เกือบหมดทุกอย่างเช่น หน้าตาเว็บ ตัวหนังสือ เนื้อหา เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นเว็บไซต์ซื้อของออนไลน์ได้อีกต่างหาก หรือจะใช้สร้างเว็บ blog webboard ก็มีครับตัวอย่างเช่นเว็บ ขายสินค้าก็ welobeshopping, tarad.com, หรือเขียน blog ก็ blogger, wordpress.com, boggang เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีหลายที่ครับที่เปิดให้บริการถึงพวกนี้จะมีข้อดี แต่ก็ยังมีข้อเสียเหมือนกันครับคือชื่อเว็บไซต์ไม่ใช่เป็นของเรา หากต้องการให้เป็นชื่อของเราต้องเสียเงินครับ และการใช้เว็บเหล่านี้เราไม่สามารถเข้าไปแก้ในส่วนลึกได้ครับ
บทความนี้ก็ขอเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการมีเว็บไซต์ของตนเองนะครับ ปัจจุบันเราไม่ต้องมาเขียนโค้ดเองก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตนเองได้แล้วครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอฝากเว็บไซต์ไว้ได้วยนะครับ >>> รับโปรโมทเว็บ  <<<

ประเภทของเว็บไซต์ในปัจจุบัน


จากบทความ ความรู้พื้นฐานก่อนเริ่มทำเว็บไซต์ ก่อนหน้านี้ทำให้เราพอจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์คราวๆแล้วนะครับ ต่อมาในบทความนี้ผมจะขอนำเสนอประเภทของเว็บไซต์และการนำไปใช้ เพื่อเป็นแนวทางให้ใครหลายๆคนนะครับ
1.เว็บประเภท blog เว็บประเภทบล็อก (blog) คือ เว็บที่ใช้เขียนหรือโพสข้อมูลที่เป็นข้อความ รูปภาพ หรือ สือมีเดีย คล้ายๆกับเขียนไดอารี่ เว็บไซต์ประเภทนี้ได้แก่พวก blogger, wordpress.com ซึ่งนิยมนำมาใช้เขียนบทความเพราะใช้ง่าย เหมาะสำหรับการเขียนเรื่องราว หรือ ไดอารี่มาก
2.เว็บประเภท องค์กรหรือบริษัท เว็บประเภทนี้จะมีข้อมูลเนื้อหาเป็นส่วนๆเพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถหาข้อมูลในส่วนต่างๆได้ง่าย องค์กรหรือบริษัทส่วนใหญ่จะทำเว็บแนวนี้
3.เว็บไซต์ขายของออนไลน์ เป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อให้สามารถจับจ่ายซื้อของบนโลกออนไลน์ได้ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก ตัวอย่างเว็บแนวนี้ได้แก่ tarad.com,  weloveshopping เป็นต้น
4.เว็บชุมชนออนไลน์หรือ webboard เป็นเว็บที่เกี่ยวกับการรวมกลุ่มเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งร่วมกัน เป็นประโยชน์ให้กันและกัน เช่น zoneit,  cm-club เป็นต้น
5.เว็บแนว social คือ เว็บที่ใช้สำหรับพูดคุย สื่อสาร แชร์สิ่งต่างๆให้กัน มีปฏิสัมพันธ์กันเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เช่น facebook,  google+ เป็นต้น
เมื่อเรารู้ประเภทของเว็บไซต์แล้วเราก็สามารถประยุกต์ใช้ให้ถูกกับแนวที่เราจะทำนะครับ
-----------------------------------------------------------------------------------
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ >>> รับทำเว็บไซต์ <<<

ความรู้พื้นฐานก่อนเริ่มทำเว็บไซต์


ผมจะใช้ภาษาชาวบ้านละกันนะครับเพราะเรื่องวิชาการผมไม่เก่งเท่าไหร่ สำหรับหลายๆคนที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง คุณรู้หรือไม่ว่าก่อนที่เราจะมีเว็บไซต์เป็นของตนเองได้นั้นเราต้องมีอะไรบ้าง และอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ มาเริ่มกันเลยนะครับ ^_^
เว็บไซต์(website) คือ หน้าเว็บที่แสดงข้อมูลต่างๆผ่านระบบอินเตอร์เน็ตโดยมีการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กันข้อมูลนั้นๆ
เว็บเพจ(web page) คือ หน้าเว็บหน้าเดียว ซึ่งการนำเสนอข้อมูลในนั้นหากรวมกันหลายๆเว็บเพจจะเรียกว่า เว็บไซต์
โดเมนเนม(domain name) คือ ชื่อที่ใช้บ่งบอกถึงเว็บไซต์ของเรา เช่น www.thailand.com คำว่า thailand เป็น domain name ซึ่งโดเมนจะแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภทแล้วแต่ประเภทการใช้งานเช่น
.com คือ ทั่วไป
.org คือ องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร
.net คือ เกี่ยวกับเครือข่าย
.ac คือ สถานศึกษา
เป็นต้น
โฮสติ่ง(hosting) คือ ที่ๆเรานำข้อมูลไปเก็บไว้เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามาดูข้อมูลได้ โดยข้อมูลทั่วไปของโฮสติ่งจะมีลักษณะดังนี้
disk space คือ พื้นที่ในการใช้จัดเก็บเว็บไซต์
data transfer คือ ปริมาณ การรับ-ส่ง ข้อมูล
เป็นต้น
html คือ ภาษาที่ใช้แสดงหน้าเว็บ ผ่านเว็บบราวเซอร์
php คือ ภาษาที่ใช้ในการแสดงข้อมูลเว็บไซต์ซึ่งทำงานอยู่ในส่วนของเครื่อง server ช่วยเพิ่มความสามารถของเว็บไซต์ให้มากขึ้น
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------
เยี่ยนเยี่ยนเว็บไซต์ได้ที่ >>>  รับทำเว็บไซต์ <<<